เป็นความท้าทายมากๆ เพราะ นิสสัน ทำอิโคคาร์ คันแรกออกมา คือ นิสสัน มาร์ช ขายดิบขายดี ชนิดว่าหลายๆ ค่าย ต้องทำ อิโคคาร์ ตามออกมาให้เร็วที่สุด
แต่พอนิสสันทำ นิสสัน อัลเมร่า ออกมาเป็นอิโคคาร์รุ่นที่2 ก็ยิ่งขายดีมากขึ้นไปอีก เล่นเอาหลายๆ ค่าย อิจฉากันเลยทีเดียว เพราะขายชนิดนำหน้ารุ่นอื่นๆ ของ นิสสัน เองไปต่อไหนๆ
จนถึงปัจจุบัน นิสสัน ผลิต โน้ต นิสสันในเซกเมนต์อิโคคาร์ ที่ใหญ่ที่สุด ช่วงตัว ห้องโดยสาร และอะไรหลายๆ อย่าง ใหญ่จริง กว้างจริง ออกแบบและผลิต โน้ต ออกมาได้อย่างครบครันจริงๆ แบบว่าเหมาะกับคำว่า อิโคคาร์ เอ็มพีวีเป็นความท้าทาย สุดสุดล่ะงานนี้
นิสสัน โน๊ต นิยามใหม่ของ คอมแพค แฮทช์แบค ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม สะดวกสบาย สมรรถนะ ความปลอดภัยสูงสุด จากแนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต รวมถึงตอบสนองได้ทั้งความสนุกสนานในการขับเคลื่อน ความคล่องตัวที่ใช้งานได้ดีในสภาพการจราจรในเมืองใหญ่
ถ้าจะบอกว่าประทับใจแรกกับ นิสสัน โน๊ต คือ ความกว้างขวาง ของที่บรรจุของสัมภาระด้านหลัง ที่ใหญ่กว้างขวางมาก ถุงกอล์ฟ หากเอาหัวไม้ออก สามารถวางซ้อนกันแนวนอนได้ถึง 4 ใบ และนั่งกันได้ 4 คน ในสองตอนหลัง กระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทาง ก็สามารถวางที่เบาะหลังระหว่างผู้โดยสาร 2 คนได้ ไม่อึดอัด
คำว่า Intelligent Mobility Driving Technology คือ เทคโนโลยีอัจฉริยะ ล้ำสมัย สำหรับการขับเคลื่อน แต่…จะเห็นว่าระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง AVM มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน อันนี้แจ๋วกว่า สะดุดตา สะดุดใจ เมื่อแรกใช้ มันสามารถตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง เป็นแบบแยกกัน 2 จอ มุมซ้ายด้านล่างของกระจกมองหลัง หากไม่ต้องการ ก็มีสวิทช์สำหรับปิดเปิดด้านล่างของกระจกมองหลังได้ตามต้องการ จะเรียกว่าเหนือกว่าคำบรรยาย ถือว่าเป็นครั้งแรกในรถ อีโค-คาร์ กับระบบ Lane Departure Warning คือ ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง มีเสียงดังติ๊ดๆ ทุกครั้งที่ขับข้ามเลน ยกเว้นถ้าเปิดไฟเลี้ยว ก็จะไม่มีเสียงเตือนให้รำคาญ หรือถ้ามั่นใจว่าจะไม่ขับออกนอกเลน ก็สามารถปิดสัญญาณ Lane Departure Warning ได้จากสวิทช์ด้านล่างขวาของพวงมาลัย
จุดเด่นของการดีไซน์ ซึ่งเจ้า นิสสัน โน๊ต ใหม่ ได้รับการออกแบบ ด้วยเส้นสายภายนอกให้ดูโดดเด่น ภายใต้เอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน ทำให้มีรูปลักษณ์ที่มีสไตล์ สวยงาม ในทุกมุมมอง ด้านหน้า กระจังหน้าแบบ V-Motion เอกลักษณ์การออกแบบภายใต้เอกสิทธิ์ของนิสสัน และช่องกันชนด้านล่างแบบโครเมียม โคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Signature Light ไฟตัดหมอกคู่หน้า โดยไฟหน้าสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ตัวถังออกแบบให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำสุดเพียง 0.30 ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี ลดเสียงรบกวน และประหยัดเชื้อเพลิง มือจับประตู โครเมียม เพิ่มความหรูหรา กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถ พับและปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวบนฝาครอบกระจก ดูสวยงามและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ตัวที่นำมาทดสอบเป็นสีขาวมุก ดูสวยงาม สะท้อนตา ด้านหลังติดตั้งสปอยเลอร์ ให้ทั้งมุมมองสปอร์ตและเพิ่มประสิทธิภาพการขับ
นิสสัน โน๊ต ใหม่ มีคอนเซ็พต์ในการออกแบบภายในไม่เหมือนใคร ถ้าได้ทดลองขับ จะรู้ว่าเบาะสปอร์ตเอามากๆ เลยทีเดียว ยิ่งคอนโซลออกแบบด้วยโทนสีดำ แตกต่างด้วยวัสดุสีเงิน เช่น หัวเกียร์ ฐานเกียร์ ส่วนวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค ซึ่งทั้งหมดเป็นการผสมผสานอารมณ์สปอร์ตและหรูหราไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ โดยรุ่น VL เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาตรวัดเรืองแสงอัจฉริยะมัลติฟังก์ชัน ดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิทัล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า ระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วงเช่นเดียวกับที่ปัดน้ำฝนหลัง กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ กระจกมองหลังในรุ่น VL ตัดแสงอัตโนมัติ
โดดเด่นด้วยขุมพลัง แห่งสมรรถนะ ถึงจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน เพราะใช้เครื่องยนต์เบนซิน HR12DE 3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ขนาด 1,198 ซีซี มาพร้อมกับหัวฉีดอีเลคทรอนิคส์ มัลติพอยท์ (ECCS) 32 บิท ที่ฉีดเชื้อเพลิงได้ละเอียดและแม่นยำ ช่วยให้ได้ทั้งสมรรถนะและความประหยัด โดยให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที และยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น สามารถเปิด – ปิด ระบบการทำงานได้ เครื่องยนต์ตัวนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สะอาด จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่ามาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 อีกด้วย ระบบเกียร์เป็นแบบ XTRONIC CVT D-Step Logic ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ให้อัตราเร่งต่อเนื่องและทันใจ ตอบสนองอัตราเร่งแซงที่ดีขึ้น ถ้าไม่รู้ข้อมูลมาก่อน ก็จะรู้สึกเหมือนขับรถที่มีเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 1.2 ลิตร
สุดท้าย จะเห็นว่าด้านท้ายที่บรรทุกสัมภาระ สามารถเปิดขึ้นได้เพื่อรองรับการวางสิ่งของ 2 ชั้น หรือเอายางอะไหล่กับเครื่องมือจำเป็นเก็บไว้ด้านล่าง แถมด้านหลังเบาะรุ่น VL ปรับแยกแบบ 60 : 40 รุ่น V พับแบบชิ้นเดียว แค่มาถึงตรงนี้ ก็แปลกใจแล้วว่า จะบรรจุอะไรมากมายขนาดนี้ นิสสัน โน๊ต มีขนาดตัวถังยาว 4,105 มม. กว้าง 1,695 มม. และสูง 1,535 มม. ระยะฐานล้อ 2,600 มม. ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,480 มม. คู่หลัง 1,485 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 155 มม. ด้วยระยะฐานล้อที่ยาว ทำให้ นิสสัน โน๊ต ใหม่ เป็นรถแฮทช์แบคที่มีพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง และสามารถยืดระยะห่างระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลังได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มพื้นที่ช่วงขา ทำให้ผู้นั่งเบาะหลังรู้สึกสบายและผ่อนคลายกว่ารถในระดับเดียวกัน รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร และพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ช่วยให้รถมีความคล่องตัวในทุกสภาพเส้นทาง
ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ นิสสัน โน้ต เป็นอิโคคาร์ ที่นึกถึงทั้งความประหยัด และความปลอดภัยไปพอๆ กับสิ่งอำนวยความสะดวก นอกจากกล้องรอบทิศทางแล้ว นิสสัน โน๊ต ยังอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) และ ระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ (Passive Safety) ขอให้ได้ลอง จะรัก นิสสัน โน้ต ไปดูด้วยตาตัวเองดีก่า ที่โชว์รูม นิสสัน ทั่วประเทศ